หอจดหมายเหตุ :
หน้าแรก | ความเป็นมา | การเติบโต | ทำเนียบผู้บริหาร | เกียรติภูมิรำไพฯ | ภาพเก่าเล่าอดีต
การเติบโตและพัฒนาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ดังนี้
ระยะเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูจันทบุรี
โรงเรียนฝึกหัดครูจันทบุรีตั้งขึ้นในสมัยพระพิสิฏสุทธาเลขาเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดจันทบุรี โดยเปิดสอนครั้งแรกวันที่ 16 มิถุนายน 2476 ในระดับประโยคครูมูล (ป) โดยใช้สถานที่ของค่ายทหารจันทบุรี (ค่ายตากสินปัจจุบัน) เป็นที่เรียนนักเรียนรุ่งแรกมีทั้งหมด 31 คน ซึ่งเป็นนักเรียนทุนจังหวัดจันทบุรี 20 คน ตราด 5 คน และระยอง 6 คน
ในปี พ.ศ. 2477 ทหารต้องการใช้สถานที่ โรงเรียนฝึกหัดครูจึงย้ายไปสอนที่ศาลาปริยัติธรรมของวัดจันทนาราม แต่เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางของครูและนักเรียน เพราะต้องข้ามแม่น้ำจันทบุรีในการไปเรียน จึงได้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดครูจากวัดจันทนารามไปอยู่วัดใหม่หนองปรือ อำเภอท่าใหม่ (วัดบูรพาพิทยารามปัจจุบัน)
โดยใช้อาคารเรียนที่ทางราชการจัดงบประมาณมาสมทบกับงบบริจาคของทางวัดเป็นอาคารเรียนแบบ ป.3 ของกระทรวงศึกษาธิการ และรับนักเรียนจากจังหวัดต่างๆ มาเรียนในระดับประโยคครูมูล (ป) ต่อจากรุ่นแรกอีก 4 รุ่น การรับนักเรียนนั้นก็รับตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด 2 ระดับ คือ ระดับประโยคครูประกาศนียบัตรจังหวัด (ว.) โดยรับนักเรียนที่จบ ม.3 มาเรียน 1 ปี ระดับที่สองคือ ระดับประโยคครูประชาบาล (ป.ป.) รับนักเรียนที่จบ ป.4 มาเรียน 3 ปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2498 กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้เปิดสอนในระดับประกาศนีบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) โดยรับนักเรียนรุ่นแรก 28 คน แต่เมื่อนักเรียนรุ่นนี้สอบเสร็จแล้ว ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ประกาศยุบโรงเรียนฝึกหัดครูจันทบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 สาเหตุที่ยุบก็เพื่อรวมโรงเรียนฝึกหัดครูให้เหลือเพียงภาคละ 1 แห่ง ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น
ระยะเป็นวิทยาลัยครูจันทบุรี
วิทยาลัยครูจันทบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 41 หมู่ 5 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จันทบุรี บริเวณสวนบ้านแก้ว มีเนื้อที่ทั้งหมด 740 ไร่ และยังมีพื้นที่บริเวณตำบลแก่งหางแมว กิ่งอำเภอแก่งหางแมวอีกประมาณ 476 ไร่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติของนักศึกษาคณะวิชาเกษตรและอุตสาหกรรม
ความเคลื่อนไหวในการก่อตั้งวิทยาลัย และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายในวิทยาลัยสรุปเป็นลำดับ ดังนี้
มีนาคม 2512 นายส่ง เหล่าสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ดำริที่จะตั้งวิทยาลัยวิชาการศึกษาขึ้นในบริเวณที่ดินสาธารณประโยชน์หนองตะพอง อำเภอมะขาม บนพื้นที่จำนวน 1,224 ไร่ โดยนายสุดใจ เหล่าสุนทร อธิการวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตรขณะนั้นก็เห็นชอบด้วย
กุมภาพันธ์ 2514 นายชั้น สุวรรณทรรภ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีคนต่อมาได้ทำหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้จัดตั้งวิทยาลัยครูขึ้นก่อน แล้วจึงขอขยายเป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษาภายหลังโดยเสนอให้ใช้สถานที่หนองตะพองเหมือนเดิม
มีนาคม 2515 กรมการฝึกหัดครูได้นำบันทึกเสนอกระทรวงศึกษาธิการภายหลังการมาสำรวจสถานที่แล้ว โดยขอเปลี่ยนสถานที่ก่อตั้งวิทยาลัยครูจากหนองตะพอง มาเป็นที่ดินสวนบ้านแก้วของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ซึ่งตั้งอยู่ ณ ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมีเหตุผลหลายประการคือ 1. อยู่ใกล้ตัวเมือง 2. มีบริการน้ำ-ไฟพร้อมอยู่แล้ว 3. ไม่ต้องเสียเงินปรับปรุงที่ดิน และทำถนนมากนัก เพราะมีถนนอยู่แล้ว 4. มีไม้ยืนต้น และสวนผลไม้อยู่แล้ว 5. สามารถเปิดทำการสอนได้ทันทีในปีการศึกษา 2516
8 มิถุนายน 2515 กรมการฝึกหัดครูได้รับอนุมัติให้ขอซื้อที่ดินจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ในราคา 18ล้านบาท ซึ่งพระองค์ท่านก็พระราชทานให้ด้วยความเต็มพระทัย ทั้งนี้เพื่อความเจริญทางด้านการศึกษาของจังหวัดและของประเทศ
ปัจจุบัน “วังสวนบ้านแก้ว” ได้กลายเป็นสถานศึกษาที่สำคัญของภาคตะวันออก คือ “วิทยาลัยรำไพพรรณี” อาคารสถานที่หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่สมเด็จฯ ได้พระราชทานให้กับวิทยาลัย วิทยาลัยได้ทำนุบำรุงหรืออนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นแหล่งสืบค้นทางศิลปวัฒนธรรมสืบต่อไป
นายชัยมงคล สุวพานิช ผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 1 เมื่อกรมการฝึกหัดครูได้รับพระราชทาน “วังสวนบ้านแก้ว” แล้ว นายบุญถิ่น อัตถากร ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้ง “วิทยาลัยครูจันทบุรี” ขึ้น เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2515 โดยเปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) มีนายชัยมงคล สุวพานิช รักษาการตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ มีอาจารย์ปฏิบัติงานทั้งหมด 27 คน การเปิดสอนครั้งแรกในระดับ ป.กศ. ชั้นปีที่ 1 จำนวน 117 คน ซึ่งเป็นนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อาคารเรียนหลังแรกได้ปรับปรุงอาคารเล้าไก่ของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเดิม ให้เป็นอาคารเรียนชั่วคราว ส่วนบ้านพักของอาจารย์ก็ใช้บ้านพักของข้าราชบริพารเป็นบ้านพักของอาจารย์
ปีการศึกษา 2516 ได้สร้างอาคารเรียน 1 (อาคารคณะวิชาครุศาสตร์ปัจจุบัน) หอพักนักศึกษา 2 หลัง และบ้านพักอาจารย์ นักการภารโรงจำนวนหนึ่ง และรับนักศึกษาระดับ ป.กศ. อีก 160 คน และปีต่อมาก็ได้งบประมาณสร้างอาคารเรียน 2 อาคาร 3 หอประชุม โรงอาหารและบ้านพักอาจารย์เพิ่มเติมหลายหลัง และในปีการศึกษา 2517 นักศึกษารุ่นที่ 1 ก็สำเร็จการศึกษา และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จมาพระราชทานประกาศนียบัตรแก่นักศึกษานับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง และในปีการศึกษา 2517 วิทยาลัยได้เปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.ชั้นสูง)
นายประชุม มุขดี ผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 2 ในปีการศึกษา 2518 กรมการฝึกหัดครูได้แต่งตั้งนายประชุม มุขดีมาเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยครูจันทบุรีแทนนายชัยมงคล สุวพานิช ในระหว่างที่นายประชุม มุขดี เป็นผู้อำนวยการนี้ วิทยาลัยได้ก่อสร้างอาคารต่างๆ เพิ่มเติม เช่น อาคารเรียน 4 อาคาร ร.ร.สาธิต อาคารสำนักงานอธิการ หอพัก บ้านพักอาจารย์และนักการภารโรง
ในด้านการเรียนการสอนนั้นได้เปิดขยายนักศึกษาระดับ ป.กศ. ชั้นสูง ในวิชาเอกต่างๆ มากขึ้น และในเดือนสิงหาคม 2519 วิทยาลัยครูจันทบุรีก็ได้ยกฐานะเป็นวิทยาลัยครูตามพระราชบัญญัติวิทยาลัยครูพุทธศักราช 2518 และนายประชุม มุขดีได้ดำรงตำแหน่งอธิการวิทยาลัยครูจันทบุรีคนแรก ดังนั้นวิทยาลัยจึงขยายการศึกษาเพิ่มขึ้น โดยในปีการศึกษา 2519 ได้เปิดสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีครั้งแรก เปิดสอนเพียงวิชาเอกเดียว คือ วิชาเอกคณิตศาสตร์ และในช่วงนี้ได้เปิดสอนนักศึกษาภาคต่อเนื่องในระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.ชั้นสูง) หลายวิชาเอก
นายสุรพล แก่นจักษ์ ผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 3 ในช่วงที่อาจารย์สุรพล แก่นจักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิการ ระหว่างปี พ.ศ. 2520 – 2523 การพัฒนาด้านอาคารสถานที่ในระยะนี้มีน้อย เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณของประเทศ แต่ในช่วงนี้วิทยาลัยได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวนหนึ่งจาก “มูลนิธิประชาธิปก” โดยวิทยาลัยใช้งบประมาณส่วนนี้ในการปรับปรุงสนามฟุตบอล
ในด้านการพัฒนาทางวิชาการนั้นได้เปิดสอนวิชาเอกต่างๆ ทั้งในระดับ ป.กศ.ชั้นสูงและระดับปริญญาตรีเพิ่มเติมขึ้น และในปีการศึกษา 2520 วิทยาลัยได้เปิดสอนนักศึกษาตามโครงการอบรมครูประจำการ (อ.คป.) เป็นครั้งแรก ซึ่งในรุ่นแรกเปิดสอนทั้งหมด 6 โปรแกรม คือ สังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ โดยเปิดดำเนินการนอกวิทยาลัยในรูปของการเปิด “ศูนย์ฝึกอบรม” ทั้งในจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด
นายไพฑูรย์ เจริญพันธุวงศ์ ผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 4 ในสมัยที่อาจารย์ไพฑูรย์ เจริญพันธุวงศ์ เป็นอธิการวิทยาลัย เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนมากขึ้น มีการนำแหล่งวิชาการในท้องถิ่นมาสนับสนุนงานวิชาการของวิทยาลัย เช่น เจ้าหน้าที่สถานีทดลองยางพารา ได้เข้ามาทดลองปลูกยางในวิทยาลัย นอกจากนี้ได้เจรจากับกรมชลประทานของบประมาณ 2 ล้านเศษมาสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อเป็นแหล่งน้ำ สำหรับจัดทำน้ำประปาในวิทยาลัย นอกจากนี้แล้วยังได้ปรับปรุงถนนหนทางต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่าเป็นยุคที่วิทยาลัยมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพของงาน
ในด้านวิชาการนั้นได้มีการจัดประชุมสัมมนาระดับชาติ เรื่อง “การส่งเสริมสหกรณ์ที่เอื้อต่อการพัฒนาชนบท” โดยได้เรียนเชิญ ฯพณฯ พลตรี ประมาณ อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นประธานในพิธีเปิด ผลการจัดประชุมสัมมนาครั้งนั้นมีผลกระตุ้นให้วิทยาลัยรำไพพรรณีสามารถขยายเปิดสอนสาขาวิชาการเกษตรและอุตสาหกรรมได้ ในระยะต่อมา
นายไพรถ เลิศพิริยกมล ผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 5 ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2524 – 2528 ที่นายไพรถ เลิศพิริยกมลเป็นอธิการ ได้ให้การสนับสนุนผลงานทางวิชาการของอาจารย์อย่างมากมาย มีพิธีเปิด “สนามกอล์ฟ” อย่างเป็นทางการ แต่การดำเนินการต่างๆ อยู่ภายใต้การบริหารงานของชมรมกอล์ฟจันทบุรี และในสมัยนี้ได้มีการสร้างหอพักหญิงเพิ่มเติมอีก 2 หลัง
ในปีการศึกษา 2528 เมื่อได้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2527 วิทยาลัยสามารถเปิดสอนสาขาวิชาอื่นๆ นอกเหนือจากสายวิชาการศึกษา วิทยาลัยได้ขยายการเปิดสอนนักศึกษาทั้งภาคปกติและ อ.คป. ในสาขาวิชาการต่างๆ เช่น พืชศาสตร์ เทคโนโลยีการยาง คอมพิวเตอร์ พัฒนาชุมชน เป็นต้น ส่วนโครงสร้างการบริหารวิทยาลัยมีการเปลี่ยนแปลง มีศูนย์ สำนักและคณะวิชาต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยคณะใหม่ คือ คณะวิทยาการจัดการ
ระยะเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูจันทบุรี
ในเดือนมีนาคม 2528 นายไพรถ เลิศพิริยกมล ก็ได้ทำหนังสือขอพระราชทานกราบบังคมทูลขอใช้พระนามของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเป็นชื่อของวิทยาลัย และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เป็นนามของวิทยาลัยว่า “วิทยาลัยรำไพพรรณี” ตามหนังสือของสำนักราชเลขาธิการ ที่ รล 0003/3399 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2528
นายวิทยา รุ่งอดุลพิศาล ผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 6 ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อวิทยาลัยครูจันทบุรีเป็นวิทยาลัยรำไพพรรณี นายวิทยา รุ่งอดุลพิศาล ได้เป็นอธิการคนแรกของวิทยาลัยรำไพพรรณี (เป็นผู้บริหารวิทยาลัยคนที่ 6 ได้นับต่อกันมา) ในสมัยนี้ได้มีการกระตุ้นการพัฒนาผลงานทางวิชาการอย่างจริงจัง โดยจัดเป็นงบประมาณสนับสนุน และวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และในปี 2529 วิทยาลัยได้รับมอบหมายจากทางจังหวัดให้รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดแข่งขันกีฬาหลายประเภทในมหกรรมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ
นายโกสินทร์ รังสยาพันธ์ อธิการคนปัจจุบัน นายโกสินทร์ รังสยาพันธ์ได้รับการแต่งตั้งจากกรมการฝึกหัดครูให้ดำรงตำแหน่งอธิการตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 จนกระทั่งปัจจุบัน ในระยะนี้ก็เป็นอีกระยะหนึ่งที่วิทยาลัยมีการเปลี่ยนแปลงมากทั้งด้านบทบาทหน้าที่ และอาคารสถานที่ ด้านอาคารสถานที่มีสิ่งปลูกสร้างหลายหลัง เช่น อาคารอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นอาคารปฏิบัติการของนักศึกษาวิชาเอกการโรงแรมและท่องเที่ยว อาคารเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (โดยงบประมาณของมูลนิธิประชาธิปก) ต่อเติมอาคารเกษตร และปรับปรุงอาคารวิทยาศาสตร์ สร้างอาคารหอสมุดกลางเพื่อเป็นศูนย์วิทยบริการ ต่อเติมอาคารสำนักงานอธิการ เป็นต้น
ในด้านสถานที่ได้ปรับปรุงให้เหมาะสมทั้งบริเวณและถนนหนทาง มีการสร้างถนนลาดยางหลายสาย ปรับปรุงสนามกอล์ฟให้ได้มาตรฐาน และรับโอนสนามกอล์ฟมาอยู่ในความรับผิดชอบการบริหารของวิทยาลัย
ในด้านการเรียนการสอนได้ให้การสนับสนุนคณะวิชาปฏิบัติภารกิจของสถาบันอุดมศึกษา โดยครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งในด้านการสอน การบริการวิชาการแก่สังคม การวิจัยค้นคว้าทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐานและการวิจัยประยุกต์ ส่วนการสนับสนุนการเขียนผลงานทางวิชาการของอาจารย์นั้นก็ได้จัดงบประมาณเป็นทุนสนับสนุนให้อาจารย์ทำผลงานทางวิชาการ และจัดหาเครื่องพิมพ์ระบบออฟเซท เพื่อให้การสนับสนุนผลงานทางวิชาการของอาจารย์
นอกจากนี้แล้วในช่วงนี้วิทยาลัยยังได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสัมมนาระดับกรมการฝึกหัดครู 3 ครั้ง คือ “การประชุมนำร่องเรื่องศูนย์ปฏิบัติการอุดมศึกษาในวิทยาลัยครู” “การประชุมปฏิบัติการจัดทำแผนปฏิบัติการของกรมการฝึกหัดครูระยะที่ 7” และ “การประชุมปฏิบัติการภูมิปัญญาชาวบ้าน” เพื่อเสนอผลการศึกษาวิจัยของอาจารย์ผู้รับผิดชอบศูนย์ปฏิบัติการอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นในวิทยาลัยครูและในปีการศึกษา 2533 วิทยาลัยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในกีฬาของกรมการฝึกหัดครู โดยมีนักกีฬาจากวิทยาลัยครูทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันประมาณ 3 พันกว่าคน
วิทยาลัยรำไพพรรณีได้รวมกลุ่มกับวิทยาลัยครูในภาคกลาง รวม 5 แห่ง อันได้แก่ วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยครูเทพสตรี วิทยาลัยครูฉะเชิงเทรา วิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และวิทยาลัยรำไพพรรณี เป็น สหวิทยาลัย เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานร่วมกันระหว่างกลุ่มวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาในอนาคต โดยได้ใช้ชื่อว่า "สหวิทยาลัยศรีอยุธยา" และได้ใช้ชื่อของวิทยาลัยว่า "สหวิทยาลัยศรีอยุธยา วิทยาลัยรำไพพรรณี